วันศุกร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2552

โอบาเหมา


โอบาเหมา
หลิว หมิงเจี๋ย ผู้ออกแบบกระเป๋าตังค์และเสื้อยืดคอลเล็คชั่น “โอบา เหมา” ด้วยการนำใบหน้าของบารัก โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐฯ
คนปัจจุบันมาตัดต่อใส่ชุดของประธานเหมา และวางจำหน่ายในร้านย่านเขตท่องเที่ยว “โฮ่วไห่” ของปักกิ่งและขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเลยทีเดียว
>>website<<

วันพฤหัสบดีที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2552

คู่มือมนุษย์ เรื่อง ท่านชอบพุทธศาสนาในเหลี่ยมไหน


คู่มือมนุษย์ เรื่อง ท่านชอบพุทธศาสนาในเหลี่ยมไหน

ถ้าเราเปิดหนังสือทุกเล่มที่เขียนกัน ในสมัยปัจจุบันอันว่าด้วย ต้นเหตุของการเกิดศาสนาแล้ว จะเห็นว่าเขาเขียนไว้เหมือน ๆ กันตรงกันที่ว่า คนป่าดั้งเดิมกลัวฟ้าผ่า ฟ้าร้อง กลัวความมืด กลัวพายุ กลัวสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่เหนือความเข้าใจ หรือความต้านทานของคนป่าเหล่านั้น และวิธีที่จะหลบหลีกอันตรายก็คือ ต้องแสดงอาการยอมแพ้หมอบกราบ อ้อนวอนบูชา แล้วแต่คนฉลาดที่สุดในสมัยนั้นเห็นว่า จะต้องทำตามที่ตนนึกว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือผีเหล่านั้นจะชอบใจ ที่นับว่า ศาสนาเกิดขึ้นมาในโลกด้วยอำนาจของความกลัว และมีการปฏิบัติไปตามความกลัว.

ความกลัวของคนชั้นหลังๆ เลื่อนสูงขึ้นมาถึงความกลัวทุกข์ชนิดที่ อำนาจทางวัตถุช่วยไม่ได้ เช่น ความเกิด แก่ เจ็บ ตาย ความหม่นหมองมืดมัว เพราะอำนาจของความอยาก ความโกรธ ความหลงผิด ถึงแม้คนเราจะมีอำนาจ หรือเงินทองสักเท่าไร ก็ไม่สามารถระงับอาการอันโหดร้ายของ ความทุกข์เหล่านั้นได้ ประเทศอินเดียเป็นประเทศที่เจริญด้วยนักคิด นักค้นคว้า ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย จึงได้ละทิ้งการไหว้บรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาทำการ ค้นหาวิธีเอาชนะความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือเอาชนะความอยาก ความโกรธ ความหลงผิดให้ได้, นี่นับว่าเป็น บ่อเกิดของศาสนาที่สูงขึ้นไปในทางปัญญา ในที่สุดก็ได้พบวิธีที่จะเอาชนะความเกิด แก่ เจ็บ ตายหรือเอาชนะกิเลสต่าง ๆ ได้.

สำหรับพระพุทธศาสนา ก็มีมูลมาจากความกลัวแบบหลังนี้เหมือนกัน : พระพุทธเจ้า เป็นผู้พบวิธีที่จะเอาชนะ สิ่งที่คนกลัวได้เต็มตามความประสงค์ และเกิดวิธีปฏิบัติเพื่อดับความทุกข์ ชนิดที่เรียกว่า พระศาสนา พุทธศาสนาแปลว่า ศาสนาของผู้รู้ เพราะ พุทธะ แปลว่าผู้รู้ คือรู้ความจริงของสิ่งทั้งปวงได้ถูกต้อง เพราะฉะนั้น พุทธศาสนาจึงเป็น ศาสนาที่อาศัยสติปัญญา ; หรืออาศัยวิชาความรู้ที่ถูกต้อง เพื่อทำลายความทุกข์ และต้นเหตุของความทุกข์เหล่านั้น.

การทำพิธีรีตอง เพื่อบูชาบวงสรวง อ้อนวอนบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ไม่ใช่พุทธศาสนา พระพุทธเจ้าไม่รับเข้ามาไว้ใน ศาสนาของพระองค์เลย เพราะเป็นสิ่งที่น่าขบขัน น่าหัวเราะ และถือเอาเป็นที่พึ่งอันแท้จริงไม่ได้ ; พระพุทธเจ้าทรงปฏิเสธ การกระทำเช่นนั้นโดยสิ้นเชิง.

มีคำกล่าวในพระพุทธศาสนา "ความรู้ ความฉลาด และความสามารถ ที่จะทำให้สำเร็จประโยชน์นั่นแหละ เป็นตัวฤกษ์ที่ดี อยู่ในตัวมันเองแล้ว ดวงดาวในท้องฟ้าจะทำอะไรได้ ประโยชน์ที่ควรจะได้ก็ผ่านพ้น คนโง่ ๆ ที่มัวแต่นั่งคำนวณ ดวงดาวในท้องฟ้าไปเสียสิ้น" ดังนี้ ; และว่า "ถ้าน้ำศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำคงคา ฯลฯ จะทำให้คนหมดบาปหมดทุกข์ได้แล้ว พวกเต่า ปู ปลา หรือหอยที่อาศัยอยู่ในแม่น้ำ หรือสระศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็จะหมดบาปทุกข์ไปด้วย น้ำนั้นเหมือนกัน" หรือ "ถ้าหากว่าคนจะพ้นทุกข์ได้ด้วยการบวงสรวง บูชาอ้อนวอนเอา ๆ แล้ว ในโลกนี้ก็จะไม่มีใคร มีความทุกข์เลย เพราะว่า ใคร ๆ ต่างก็บูชาอ้อนวอนเป็น"

โดยเหตุที่ ยังมีคนที่มีความทุกข์ทั้งที่ได้กราบไหว้บูชา หรือทำพิธีรีตองต่าง ๆ อยู่ จึงถือว่าไม่เป็นหนทางที่จะเอาตัวรอดได้ ฉะนั้นเราจะต้องพิจารณาโดยละเอียดลออให้รู้ ให้เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แล้วปฏิบัติต่อสิ่งนั้น ๆ ให้ถูกต้อง

พุทธศาสนาไม่ประสงค์การคาดคะเน หรือทำอย่างที่เรียกว่าเผื่อจะเป็นอย่างนั้น เผื่อจะเป็นอย่างนี้ เราจะทำไปตรง ๆ ตามที่มองเห็นด้วยปัญญาของตัวเอง โดยไม่ต้องเชื่อคนอื่น แม้จะมีคนอื่นมาบอกให้ ก็ไม่ได้หมายความว่า จะต้องเชื่อเขาทันที เราจะต้องฟังและพิจารณาจนเห็นจริงว่า เป็นสิ่งที่เป็นไปได้ แล้วจึงจะเชื่อ และพยายามทำให้ปรากฏผล ด้วยตนเอง

ศาสนาเหมือนกับของหลายเหลี่ยม ดูเหลี่ยมหนึ่งมันก็เป็นไปอย่างหนึ่ง ดูอีกเหลี่ยมหนึ่งมันก็ เป็นไปอีกอย่างหนึ่ง แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นจะถือหลักการ คิดในแนวไหนก็จะเห็นศาสนาเดียวกัน ในลักษณะที่แตกต่างกันได้ : แม้พุทธศาสนาก็ตกอยู่ในลักษณะเช่นนี้

คนเราย่อมเชื่อความคิดเห็นของตัวเอง เพราะฉะนั้น ความจริงหรือสัจจะสำหรับคนหนึ่ง ๆ นั้น มันอยู่ตรงที่ว่าเขาเข้าใจ และมองเห็นเท่าไรเท่านั้นเอง : สิ่งที่เรียกว่า "ความจริง" ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนเราเข้าถึงปัญหาหนึ่ง ๆ ได้ตื้นลึกกว่ากัน หรือด้วยลักษณะที่ต่างกัน และด้วยสติปัญญาที่ต่างกัน สิ่งใดที่อยู่เหนือสติปัญญา ความรู้ความเข้าใจของตน หรือตนยังไม่เข้าใจ คนนั้นก็ไม่ถือว่าเป็น ความจริงของเขา ถ้าเขาจะพลอยว่าจริงไปตามผู้อื่น เขาก็รู้สึกอยู่แก่ใจว่า ไม่เป็นความแท้ควมจริงของเขาเลย


ความจริงของคนหนึ่ง ๆ นั้น จะเดินคืบหน้าได้เสมอ ตามสติปัญญา ความรู้ความเข้าใจที่เพิ่มขึ้นทุก ๆ วัน จนกว่าจะถึงความจริงขั้นสุดท้าย คนเรามีการศึกษามาต่างกัน และมีหลักพิจารณาสำหรับจะเชื่อต่าง ๆ กัน ฉะนั้น ถ้าจะเอาสติปัญญาที่ต่างกันมาดูพุทธศาสนา ก็จะเกิดความคิดเห็นต่างกันไป ทั้งนี้เพราะว่าพุทธศาสนา ก็มีอะไร ๆ ครบทุกอย่างที่จะให้คนดู

อ่านต่อได้ที่ >> http://www.angelfire.com/vt/view1/buddha/thai/new05.html

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

คู่มือมนุษย์ : ท่านเจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ ( พุทธทาสภิกขุ ) บทเกริ่นนำ



คัดลอกจาก คู่มือมนุษย์ : ท่านเจ้าคุณพระธรรมโกศาจารย์ ( พุทธทาสภิกขุ )

ทำไมข้าพเจ้าจึงต้องพยายามเป็นมนุษย์ให้ได้?!

คนไม่มีศาสนา แม้ว่าบิดามารดาและบรรพบุรุษของข้าพเจ้า จะนับถือพุทธศาสนา เมื่อเยาว์วัยข้าพเจ้าก็เคยไปวัดทำบุญไหว้พระกับท่าน แต่ก็ไม่รู้ความหมายของการกระทำนั้นเลย แต่เมื่อข้าพเจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ครั้งหนึ่งเคยคิดว่าศาสนาไม่จำเป็นแก่คนเราเลย โดยคิดว่าคนเราหากมีเงินเพื่อซื้อหา สิ่งที่ตนปรารถนาก็เป็นการเพียงพอแล้ว และยังเห็นไปว่า หากไปมีศาสนาเข้า จะเป็นการเพิ่มภาระหน้าที่โดยไม่จำเป็นเลย ข้าพเจ้าจึงกลายเป็นคนไม่มีศาสนาอยู่ระยะหนึ่ง

คนเราเกิดมาทำไม? ต่อมาข้าพเจ้าเกิดความคิดขึ้นว่า คนเรานี้ไม่เห็นมีอะไร วันหนึ่ง ๆ เช้าขึ้นก็ กิน-ทำงาน-เที่ยวเตร่-เสพ-กาม-นอน ซ้ำ ๆ ซาก ๆ ไม่เห็นมีแก่นสารอะไรเลย ถ้าเช่นนั้น คนเราเกิดมาทำไม? ทุกวันนี้เรามีชีวิตอยู่เพื่ออะไรกันแน่? ข้าพเจ้าตั้งปัญหาถามตนเองและปัญหาอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นว่า ชีวิตคืออะไร? ทำอย่างไร? จึงจะได้หรือพบสิ่งที่ชีวิตต้องการนั้น? แต่ข้าพเจ้าก็ไม่สามารถตอบปัญหาชีวิตดังกล่าวได้

"คู่มือมนุษย์" ของท่านพุทธทาสภิกขุ ปลายปี พ.ศ. 2501 ข้าพเจ้าโชคดีอย่างประหลาด ที่ได้พบหนังสือเล่มนี้ชื่อแปลกดี "คู่มือมนุษย์" มนุษย์จำต้องมีคู่มือด้วยหรือ? ข้าพเจ้าเป็นมนุษย์หรือเปล่า? ขณะนั้นข้าพเจ้าเข้าใจเอาง่าย ๆ ว่า คนคือมนุษย์ มนุษย์ก็คือคน ไม่ต่างกัน (ซึ่งความจริงต่างกันไกล) ข้าพเจ้าได้อ่านเพียงจบแรก ข้าพเจ้าก็ได้แนวคำตอบในปัญหาชีวิต ดังกล่าวเป็นแนวลาง ๆ ขึ้นบ้าง แต่เมื่อได้อ่านเที่ยวต่อ ๆ ไป คำตอบในปัญหาชีวิตดังกล่าว ก็กระจ่างขึ้นทุกที

คุณค่าของศาสนาหรือธรรมะ เมื่อข้าพเจ้าได้ศึกษา "คู่มือมนุษย์" และงานของท่านพุทธทาสภิกขุมาพอสมควร ข้าพเจ้าจึงรู้ว่าเดิมข้าพเจ้าเป็นอะไรก็บอกไม่ถูก แต่ก็เหมือนกับสัตว์เดรัจฉานอยู่ 4 ประการ คือ รู้จักแต่เรื่องกลัว-กิน-นอน-เสพกาม และคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินตรา และอุปกรณ์ให้ได้สิ่งดังกล่าวเท่านั้น แต่เมื่อข้าพเจ้าได้ศึกษาธรรมะ จึงทราบว่า ทรัพย์เป็นเพียงเครื่องนำมาซึ่ง ความปลื้มใจแบบชาวโลกเท่านั้น แต่ไม่ทำให้คนแตกต่างจากสัตว์เดรัจฉาน

มนุษย์คือใคร? มนุษย์คือผู้มีใจสูง ชนิดที่กิเลส ตัณหา อุปาทาน อันเป็นเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์ ท่วมทับไม่ได้ เมื่อท่วมทับไม่ได้ เขาผู้มีใจสูงก็เป็นผู้ชนะทุกข์ หรือปราศจากทุกข์โดยสิ้นเชิง ดังนั้นสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์เราควรจะได้นั้นก็คือ ความไม่มีทุกข์โดยเป็นมนุษย์ให้สมบูรณ์นั่นเอง

ท่านพุทธทาสชุบชีวิตข้าพเจ้า เพราะท่านทำให้ข้าพเจ้าพ้นจากความเป็นสัตว์เดรัจฉาน พ้นจากการทำลายชีวิตตนเอง ตลอดจนพ้นทุกข์จากทุกสิ่ง ที่ข้าพเจ้าและทุกชีวิตไม่พึงปรารถนา ท่านทำให้ข้าพเจ้าได้พบแนวทางชีวิตที่ถูกต้อง กล่าวคือ มุ่งไปสู่ความเป็นมนุษย์โดยสมบูรณ์ดังกล่าวแล้ว ข้าพเจ้าจึงบูชาท่านอย่างสูงสุดและจริงใจ

บัดนี้ ข้าพเจ้าภาคภูมิใจอย่างเหลือเกิน ที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์สมตามความหมายของคำ ๆ นี้ และได้พบพระพุทธศาสนา ตรงกันข้าม หากข้าพเจ้าไม่ได้พบพระพุทธศาสนา หรือแนวทางชีวิตดังกล่าวมาแล้ว ข้าพเจ้าก็เสียชาติเกิด

วิโรจน์ ศิริอัฐ
ประธานมูลนิธิเผยแพร่ชีวิตประเสริฐ

Corbis ฉลองครบรอบ 20 ปี!!


Corbis ฉลองครบรอบ 20 ปี!!
Corbis เจ้าพ่อแหล่งสต๊อคภาพถ่าย และ Illustration ที่เรียกว่าเก๋าที่สุดเลยก็ว่าได้ จัดงานครบรอบ 20 ปี โดยมี
การจัดประกวดส่งภาพถ่ายของคุณพร้อมเล่าเรื่องราวสุดประทับใจผ่าน Twitter Blog หากผลงานคุณเข้าตากรรมการที่สิทธิได้เที่ยวฝรั่งเศสฟรี พร้อม
รางวัลใหญ่ๆ อีกเพียบ http://pro.corbis.com/Content/Sept09/StoriedGiveaway.aspx

RoboGeisha Trailer


RoboGeisha Trailer ถ้าคุณชอบทั้งเกอิชาและหุ่นยตร์ รับรองว่าคุณจะต้องหลงรักหนังเรื่องนี้ เพราะมันเอาทั้ง 2 อย่างมายำกันอย่างสุดฮา เจออาวุธ
ของเกอิชาโรบอทไปแต่ละดอกนี่ซี๊ดๆ ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ยิงปืนกลออกจากนม ตาปล่อยแสงเลเซอร์ ถอดร่างได้ ฯลฯ ลองดูในคลิปแล้วจะร้อง http://www.robogeisha.com/

วันอังคารที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2552

The Seaside Jomtien Beach Pattaya Hotel เว็บไซต์ที่รับทำอยู่ ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

http://www.theseasidejomtienpattaya.com/

The Seaside Jomtien Beach Pattaya Hotel

พอดีมีคนรู้จักย้ายไปทำงานที่ โรงแรม ซีไซด์ จอมเทียน บีช พัทยา ประจวบเหมาะกับที่ทางโรงแรมกำลังต้องการคนทำเว็บไซต์พอดี ซึ่งทางโรงแรมเองก็แจ้งว่าเคยมีบริษัทไปเสนอหลายที่แล้ว แต่ยังไม่ถูกใจ และบริษัทที่ได้งานไปก็ราคาค่อนข้างสูง และงานช้ามาก เห็นว่าผ่านมาเกือบปีแล้วยังไม่มีอะไรคืบหน้า ด้วยเหตุนี้ผมจึงขอรับอาสาทำเองเลย เป็นการหารายได้พิเศษไปภายในตัว ทำให้เดือนนี้พอจะอยู่รอดได้ (เอาเงินไปใช้หนี้) หุหุหุ http://www.theseasidejomtienpattaya.com/

WATANA DESIGN ครั้งแรกกับการมี Blog

WATANA DESIGN
หลังจากที่เคยทำงานอยู่ในแวดวงเว็บไซต์มานาน ทั้งเว็บไซต์ของตนเองที่เคยสร้างไว้หลายเวอร์ชั่น ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันแรกที่ได้เริ่มต้นเขียน Blog เป็นของตนเอง
หวังว่าจะหาข้อมลต่างๆที่น่าสนใจมาเผยแพร่เพื่อให้ได้รับรู้กันในวงกว้าง ไม่ว่าจะแวดวงงานออกแบบ เครื่องเสียง หรือแม้แต่งานศิลปะต่างๆ
ขอบคุณทุกท่านที่สนใจครับ http://www.watana-design.com/